Darawee
2019 Thaïlande
อยากฝากเพื่อนผู้หญิงทุกคนที่เข้ามาอ่านโพสต์นี้ ว่าอย่ารู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไป จนเดินหน้าในชีวิตต่อไปไม่ได้ การยุติครรภ์เป็นสิทธิของผู้หญิงทุกคน อย่าให้สังคมหรือใครมากำหนดกรอบว่าคุณต้องทำแบบนี้ ต้องเป็นแบบนี้ บาปเหรอ? ถ้าคุณคิดว่ากายุติครรภ์ตอนครรภ์ไม่เกิน 12 สัปดาห์นั้นเป็นบาป ให้อ่านข่าวนี้ https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_1883935 การให้เด็กเกิดมาเพื่อที่เผชิญความลำบาก ถูกทำร้ายร่างกาย ถูกปฏิเสธจากคู่ครองคนใหม่ของคุณ แล้วเอาเขามาทิ้งให้มูลนิธิดูแล treat เขาราวกับเป็นสิ่งไม่มีชีวิตจิตใจแบบนี้ มันดีกว่าและเป็นการตัดสินใจที่เห็นแก่ตัวน้อยกว่าการยุติครรภ์จริงเหรอ? คุณรู้ไหมว่า ทุกวันนี้สังคมเรากำลังเผชิญภาวะ 'เกิดน้อย ด้อยคุณภาพ' เด็กไทยเกิดน้อยลง และที่เกิดก็ดันเป็นลูกของพ่อแม่วัยใส คนตั้งครรภ์ไม่พร้อมอีก มีการคาดการณ์ไว้ว่าอีก 30 ปีข้างหน้า อัตราส่วนพึ่งพิงของประชากรวัยทำงาน 100 คน จะต้องดูแลผู้สูงอายุ 60 คน เด็ก 20 คน ในขณะที่ประมาณ 16% ของเด็กที่เกิดรุ่นนี้ (ซึ่งเกิดจากพ่อแม่วัยใส คนตั้งครรภ์ไม่พร้อม) จะเติบโตไปเป็นวัยทำงานที่คาดการณ์กันอย่างตรงไปตรงมาเลย ก็เรียกว่า 'คงไม่ใช่คนทำงานที่มีประสิทธิภาพ' ที่จะแบกรับภาระนี้ได้ แล้วมันก็จะมีผลต่อเศรษฐกิจ และหมายความว่าเราๆทุกคน ในอีก 30 ปีข้างหน้าจะต้องทำงานงกๆ ต่อให้อายุเยอะแค่ไหนก็ยังต้องทำ บาปแล้วยังไงอ่ะ สำหรับเราแล้ว สภาพชีวิตและสังคมที่อยู่ตรงหน้า น่ากลัวกว่านรกที่สัมผัสไม่ได้อีก ที่สำคัญ การเกิดของคนหนึ่งคนบริโภคทรัพยากรในปริมาณมหาศาลมาก หากคุณเป็นหนึ่งคนที่ตัดสินใจยุติครรภ์ไม่พร้อม ก็ขอให้คิดไว้ว่าอย่างน้อยสิ่งที่ทำลงไปมันช่วยให้สังคมแบกรับภาระที่เกิดจากเราได้น้อยลง เกิดเป็นผู้หญิงไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องเป็นแม่และเมียเสมอไป เรามีสิทธิที่จะเลือก และการยุติครรภ์เป็นสิทธิของผู้หญิงทุกคน
การยุติครรภ์ครั้งนี้เป็นประสบการณ์ที่น่าเหลือเชื่อมาก เพราะคิดมาตลอดว่าจะต้องเจ็บปวดตามที่พวกสื่อละคร-หนังชอบทำให้ดู แต่ความเป็นจริงมันง่ายมาก และแทบจะไม่มีความเจ็บปวดใดๆเลย ถ้าเราเพียงแต่ปฏิบัติตามวิธีการที่เขาบอกมาอย่างเคร่งครัด ให้กินยาจำนวนไหนก็กินเท่านั้น ของเรา เขาเน้นย้ำกินเกินดีกว่ากินขาด อย่าลืมว่ามันเป็นยาทางการแพทย์ที่ผ่านการวิจัย ผ่านการจ่ายยาโดยแพทย์ที่คำนวณอายุครรภ์ตามข้อมูลที่เรากรอก มันไม่ได้ affect ต่อร่างกายเราจนไม่ปลอดภัยขนาดนั้น เชื่อคำแนะนำตามอีเมลล์ที่เขาบอก รับรองยังไงก็ปลอดภัย ของเราอมยาไป 3 ชั่วโมงแรกเลือดยังไม่ออก พอเริ่มอมเม็ดที่ 5-6 ถึงมีเลือดออก เริ่มแรกจะรู้สึกหนาว เหมือนเป็นไข้ มีอาการปวดตรงช่วงท้องและทวารหนักแบบหน่วงๆ ซึ่งอาจจะมีอาการถ่ายท้องหรือท้องเสียเป็นอาการข้างเคียงตามข้อมูลที่เขาให้เลย หลังจากนั้นก็ไม่รู้สึกอะไรอีกแล้ว แค่หน่วงๆ ปวดตั้งแต่ท้องไปจนถึงต้นขา เหมือนเป็นประจำเดือนมาเยอะแล้วเพลียๆบ้างเท่านั้นเอง สิ่งสำคัญเลยคือทำตามอีเมลล์ที่เขาบอกอย่างเคร่งครัด จะได้ไม่มีอาการแทรกซ้อน หมั่นสังเกตว่าอาการตั้งครรภ์เป็นอย่างไร อย่างของเราหายไปเร็วมาก คือหน้าอกที่เคยคัดขยายใหญ่ขึ้น มันยุบลงเร็วมาก (แอบเซ็งเล็กน้อย 55) การตรวจเพื่อเช็คว่ายังตั้งครรภ์อยู่ไหมเป็นเรื่องสำคัญก็จริง แต่อยากให้กำลังใจว่า อย่าวิตกกังวลจนเกินไปเลยค่ะ เรายืนยัน นั่งยัน นอนยันเลยว่าการยุติครรภ์ด้วยวิธีนี้ปลอดภัยและได้ผลจริงๆ ขอแค่ตั้งใจอ่านและปฏิบัติตามวิธี ที่สำคัญหลังจากนี้ไปก็ขอให้คุมกำเนิดอย่างถี่ถ้วน เท่านั้นพอค่ะ (นี่ก็เขียนเหมือนสอนเขา ทั้งที่ตัวเองก็พลาด -_-)
L'illégalité de votre avortement a-t-elle affecté vos sentiments ?
การที่เราเลือกยุติครรภ์ด้วยความช่วยเหลือจาก Women on Web (ที่กฎหมายประเทศไทยยังไม่สนับสนุนองค์กร NGO ที่ช่วยเหลือผู้หญิงในลักษณะนี้) ไม่มีผลกระทบอะไรต่อความรู้สึกของเรา เราดีใจด้วยซ้ำที่มีองค์กรแบบนี้ในไทย และเศร้าใจกับกฎหมายบ้านเราที่ไม่เคยเห็นใจผู้หญิง การยุติครรภ์ หรือ การทำแท้งมีอยู่ในประวัติศาสตร์มนุษย์มานับพันปีแล้ว และมนุษย์เองก็มีวิธีการทำแท้งหลายแบบ เช่น ในอดีตมีวิธีการทำแท้ง โดยการให้คนท้องนอนราบกับพื้นและให้คนเหยียบท้องด้วยการกระโดดลงมาจากที่สูง ดังนั้นแล้ว เราควรดีใจที่วิวัฒนาการทางการแพทย์ในปัจจุบันทำให้เรา ยุติการตั้งครรภ์ได้ง่าย ด้วยการกินยาในช่วงระยะเวลาปลอดภัยและไม่ถือว่าเป็นฆาตกรรมชีวิตใดๆ (ถ้าทำแแท้งตอนอายุครรภ์ 7-8 เดือน เออ อย่างนี้อ่ะเรียกว่าฆ่าคน) การยุติครรภ์ด้วยวิธีเช่นนี้ควรจะได้รับการสนับสนุนมากๆ